Jeju Island, South Korea, 2019 May 4-7 : Day 0-1, Bangkok-Jeju Island (เกาะเชจู)

นั่งนึกๆ ดูแล้ว ถ้าไม่รีบทำ blog รวบรวมความทรงจำดีๆ วิวสวยๆ ที่เกาะ Jeju เอาไว้ อีกไม่กี่วันก็คงจำอะไรแทบไม่ได้ ถึงแม้จะเป็นทัวร์ 3 วัน 2 คืน แต่ก็มีที่เที่ยวสวยๆ ให้ชมหลายแห่ง และไกด์ก็ยังพาเราไปอุดหนุนร้านค้ารอบเกาะ เสียเงินวอนไปแทบทุกที่ ตอนนี้ก็ถึงเวลาอันควรก็เริ่มทำ blog ซะเลย

รายละเอียดของการเดินทาง

วันเสาร์ที่ 4 พค 2019

บริษัท ThaiFly Travel Co., Ltd.
นัดลูกทัวร์เจอกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 23.00 น.
อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศขาออก counter M ประตูที่ 6 โดยสายการบิน Eastar Jet
อัตราแลกเงิน สกุลวอนขาไป =142,000 x 0.0281= 3,990.20 บาท

พวกเราจะไปพบกับ Guide 3 คนที่เกาะ Jeju มีหัวหน้า Guide เป็นคนเกาหลีผู้หญิง 1 คน ไม่ต้องทำงานหนักมาก ไม่ต้องพูดไม่คุยกับลูกทัวร์ แต่จะนั่งในรถคุมไกด์ไทยไปตลอดการเดินทาง และจะได้ทิปจากลูกทัวร์ทุกคน หัวละ 800 บาท ซึ่งเป็นระเบียบปฎิบัติของที่เกาะ Jeju

หัวหน้า Guide ของเราเป็นผู้หญิงคนไทย 1 คน ชื่อ Nick ทำหน้าที่ดูแลลูกทัวร์ทุกอย่าง พูดอธิบายทุกสิ่งอย่าง ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้าย แนะนำ โฆษณาสินค้าทุกชนิดในเกาะ Jeju พูดจนเสียงแหบแห้ง เธอเป็นหญิงสวย น่ารัก เก่ง แกร่ง ขยัน ทำงานหนัก แต่จะได้รับทิปจากลูกทัวร์หรือไม่ ก็แล้วแต่จะเห็นสมควรกัน ไม่บังคับ ไม่ระบุจำนวน

และมีผู้ช่วย Guide เป็นผู้ชายเกาหลี ชื่อ Lulu ให้ทำอะไรก็ทำได้ทุกอย่าง ยกเว้นพวกเราบอกว่าไม่ต้องตามมาถ่ายรูปพวกเรา แต่ก็ตามมาถ่ายจนได้ และนำกลับไปผลิตออกมาเป็นภาพขนาดใหญ่ยาว 1 เมตร รูปจะถูกม้วนมาโชว์ให้ลูกทัวร์ดูในรถบัส ทำการขายให้เราซื้อ และถ้าใครไม่ซื้อนาย Lulu จะมีแอบทำหน้าไม่พอใจ ชิ ลูกทัวร์พวกเราก็อดสงสารไม่ ก็อุดหนุนซื้อมาคนละ 1-2 รูป ด้วยความใจอ่อน และเอามาเป็นภาระให้คนซื้อต้องแบกกลับบ้านด้วยความลำบากอีก Lulu เอ้ย

(day 1/3) วันอาทิตย์ที่ 5 พค 2019

เที่ยวบินการเดินทาง

BKK-CJJ ZE552 DEP 0235 ARR 0930

CJJ-BKK ZE551 DEP 2200 ARR 0130+1

ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชม. 15 นาที

กลุ่มเรามีทั้งหมด 10 คน นำทีมโดย น้องหน่อย น้องหนู น้องหมา น้องเจี๊ยบ น้องปุ๊ย หลานปาล์ม พี่แว้ พี่หยี พี่ตุ่ม และพี่หน่อย

(day 2/3) วันอาทิตย์ที่ 5 พค 2019 ถึงสนามบินนานาชาติ Jeju เวลาประมาณ 09.30 น. ที่นี่เป็นเกาะขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ (เวลาที่นี่จะเร็วกว่า กท 2 ชม.) ในการผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง กลุ่มทัวร์ไม่มีปัญหาและอะไรยุ่งยาก

ได้เจอหัวหน้า Guide คนไทยที่ชื่อคุณ Nick นำพวกเราและลูกทัวร์อีกจำนวนหนึ่งขึ้นรถ ก็พร้อมออกไปชมเกาะ Jeju กันได้เลย

แผนที่คร่าวๆ ของเกาะ Jeju แสดงให้เห็นที่ตั้งของเมืองต่างๆ

สถานที่เที่ยว แห่งที่ 1 จูซังจอลลี (Jusangjeolli cliff) อยู่ทางใต้ของเกาะ เป็นแท่งเสาหินเป็นแผ่นๆ มีลักษณะคล้ายรูปทรงเรขาคณิตหกเหลี่ยม ตั้งเรียงทับกันสลับไปมา ทั้งหมดนี้เกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเลและแรงลม เมื่อมีปฏิกิริยากับหินบะซอลท์ จึงทำให้หินเกิดเป็นรูปร่างแปลกตาดี น้ำทะเลแถบนี้จะเป็น

สีเขียวเข้ม

นั่งพักสักครู่ มุมนี้สบายๆ นะคะ

เค้าทำเป็นทางเดินไม้เรียบร้อย แข็งแรง ทางให้เดินเรียบทะเล เพื่อชมแท่งเสาหินรูปทรงเรขาคณิต

เดินกลับขึ้นมาถึงข้างบนเป็นทางออก จะเป็นสวนสนต้นสูงใหญ่ ดูร่มเย็นสบาย

เดินออกมาจากสวนสนก็จะเจอแม่ค้านั่งแกะหอย ขายหอยสดๆ น้องๆ มีหรือจะเดินผ่าน สั่งซิคะ

น้องๆ ตั้งวง ชุมนุม ก้มหน้าก้มตากินหอยสดๆ กันอย่างอร่อย ส่วนบางคนไม่กล้ากินเพราะกลัวจะท้องไม่ดี ก็ขอเดินผ่านไปนะคะ

มื้อที่ 1 อาหารกลางวัน จิมดัก (Jim dak)

อาหารเที่ยง ของวันอาทิตย์ที่ 5 พค. มื้อที่ 1 พร้อมเสริฟด้วยเมนู จิมดัก (Jim dak) ไก่อบซีอิ๊ว เป็นเมนูอาหารเกาหลีพื้นเมืองดั้งเดิม จิมดักจานใหญ่นี้ประกอบไปด้วย ไก่ชิ้นโต วุ้นเส้นเกาหลีนี้มีลักษณะ เป็นเส้นแบนใหญ่ๆ ทำจากมันฝรั่ง ทำให้เหนียวนุ่มเป็นพิเศษผัดคลุกเคล้ากับซอสสูตรเฉพาะ เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ การรับประทานใช้ กรรไกรตัดเส้นและไก่สับๆให้เป็นชิ้นเล็กพอดีคำ เครื่องเคียงมีถั่วดำ และกิมจิ

สถานที่เที่ยว แห่งที่ 2 ทุ่งข้าวบาร์เลย์ เป็นทุ่งเล็กๆ ไม่กว้างมาก ข้าวชนิดนี้สำหรับเอาไปทำ Beer รถหยุดให้ลงไปชมวิว ก็ลงไปถ่ายรูปสักครู่นึงก็กลับขึ้นรถ เดินทางต่อไป

คุณนิคไกด์คนสวย บริการดีเยี่ยมของพวกเรา

สถานที่เที่ยว แห่งที่ 3 ไร่ชา O'sulloc เป็นดินแดนที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ให้ ปลูกชาเขียวที่มีคุณภาพสูงสามารถส่งออกขายทั่วโลก มีจัดแสดงประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมการชงชา มีผลิตภัณฑ์แปรรูปนานาชนิด เช่น ชาเขียวคุณภาพเยี่ยม คุกกี้ แยมชาเขียว ซุปชาเขียว แผ่น mask หน้าชาเขียว และแชมพูเป็นต้น

ขนมและเครื่องดื่ม ชุดที่สั่งมากินนี้ จะมี 4 อย่างคือ ไอติมชาเขียว, ชาเขียว rolls, ชาเขียว milk shake, ชาเขียวร้อน 1 กา มีถ้วย 1 ใบ ราคชุดละ 60,000 วอน x 0.028 = 1,680 บาท ช่วยกันออกคนละ 6,000 วอน

ภายในบริเวณใกล้ๆ มีร้าน O'Sulloc cafe มี icecream, cake rolls, และ ชาเขียวปั่น ชา กาแฟ ทุกอย่างอร่อยมากๆ ดูจากจำนวนคนที่เข้าไปซื้อ และเก้าอี้แทบไม่มีที่ว่างเลย เดินเข้าไปในร้าน เพื่อนต้องไปยืนเข้าคิวให้ซึ่งแถวยาวมาก แต่เพื่อนก็อดทนรอ เพื่อให้ทุกคนจะได้ชิมของอร่อยประจำถิ่นกัน อร่อยจิงจัง และไม่ผิดหวังสำหร้บเรา แต่ถ้าคนที่ไม่ชอบชาเชียว ก็จะไม่ค่อยถูกใจมากนัก

ซื้อแยมชาเขียวมาจากร้าน O'Sulloc ขวดละ 8,500 วอน = 238 บาท ทาขนมปัง อร่อยมาก เสียดายที่ไม่ได้ชิมก่อนซื้อ เพราะซื้อมาแค่ขวดเดียว และก็มีของสำหรับให้ซื้อกลับบ้าน ซื้อฝากหลายประเภท เช่น ชาแบบต่างๆ ขนมชาเขียว และอื่นๆ อีกมากมาย

ที่นั้งพักใต้ต้นไม้ใกล้ๆ ร้าน ชา O'Sulloc สบายๆ คลายเมื่อย

สถานที่เที่ยว แห่งที่ 4 วัดซันบังชา ( Sanbanggulsa Temple) ตั้งอยู่บนภูเขาซันบัง หันหน้าออกสู่ทะเล ภายในวัดจะมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่เป็นพระประธาน เจ้าแม่กวนอิม และพระสังกัจจายน์ ถ้าได้ลูบพุงก็จะร่ำรวยเงินทอง บางคนไม่ได้เดินขึ้นถึงข้างบน

เจ้าแม่กวนอิม หันหน้าออกสู่ทะเล

ผู้พิชิต วัดซันบังชา ( Sanbanggulsa Temple)

วิวที่มองจากวัดเห็นทะเลสวยงาม

เรานั่งรอผู้พิชิต เดินกลับลงมา อยู่ที่บันไดข้างล่างตรงนี้

อาหารเย็น ซัม กยอบ ซัล (Sam Gyup Sal)

มื้อที่ 2 อาหารเย็น ซัม กยอบ ซัล (Sam Gyup Sal)พร้อมเสริฟด้วยเมนู เมนู ซัมกยอบซัล (Sam Gyup Sal) อาหารย่างยอดนิยม โดยการเอาหมูสามชั้น และเนื้อหมู ไปย่างบนแผ่นโลหะที่ถูกเผาจนร้อน เสริฟร้อนๆ พร้อมเครื่องเคียง ได้แก่ กิมจิ พริกเขียว ผักสลัดสีเขียว และกระเทียมหั่นบางๆ ป้าหลาน น่ารักมากดูแลช่วยเหลือกันเป็นอย่างดี

เพื่อนไม่กินหมู มีแต่หมูอย่างเดียวเต็มโต๊ะเลย สงสารเพื่อนจัง

รูปซ้ายนาย Lulu ผู้ช่วยคุณนิค และรูปขวา คุณนิค ไกด์คนไทยช่วยกันเสริฟอาหารให้ลูกทัวร์ กันอย่างขมักเขม้น เอาใจกันสุดๆ ขออาหารเพิ่มได้เรื่อยๆ จนกว่าพวกเค้าจะขอลาไปกินอาหารบ้าง